top of page

เต่าทะเล

เต่าทะเล05_edited.png

ที่มา :

เต่าทะเล

ประวัติ

เต่าทะเล (อังกฤษ: Sea turtle) เป็นเต่าที่อยู่ในวงศ์ใหญ่ Chelonioidea ซึ่งวิวัฒนาการจนสามารถอาศัยอยู่ได้ในทะเลตลอดเวลา โดยจะไม่ขึ้นมาบนบกเลย นอกจากการวางไข่ของตัวเมียเท่านั้น

เต่าทะเล.jpg

เต่าทะเล

      มหาสมุทรของโลกเป็นที่อยู่อาศัยของเต่าทะเลมากกว่า 7 สายพันธุ์ และสามารถพบได้ในพื้นที่ดำน้ำเขตร้อนส่วนใหญ่ น่าเสียดาย เต่าทะเลส่วนใหญ่ใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์ การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย การประมงและมลภาวะจากพลาสติก
     
      สถานที่ที่ดีที่สุดในการดำน้ำกับเต่าทะเลคือสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครอง ได้แก่: แนวปะการัง Great Barrier Reef กาลาปาโกส ฮาวาย ริเวียร่ามายา (Riviera Maya) และสถานที่อื่น ๆในอเมริกากลาง เกาะอาโป (ประเทศฟิลิปปินส์) Ras Mohammed (ประเทศอียิปต์) สิปาดัน (ประเทศมาเลเซีย) และสถานที่อื่น ๆ ที่มีพื้นที่คุ้มครองทางทะเล

       “เต่าทะเล” นอกจากจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศวิทยาของทะเลบริเวณนั้น ๆ แล้ว ธรรมชาติของเต่ายังมีที่ทำให้เราทึ่งหลายเรื่องเลยนะครับ เช่น เต่าว่ายน้ำได้ไกลกว่าครึ่งโลก เพศของเต่าไม่ได้เกิดขึ้นตอนอยู่ในท้องแม่….มาชมเรื่องราวที่น่าสนใจของเต่าในคลิปนี้ได้เลย
     
      ปตท.สผ. มีโครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ร่วมกับกองทัพเรือ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหลายโครงการ เพื่อช่วยอนุรักษ์เต่าทะเลที่ปัจจุบันมีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ และเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ จึงอยากเชิญชวนพวกเราทุกคนมาช่วยกันดูแลเต่าให้อยู่คู่กับทะเลของเราไปด้วยกันครับ
 
     ลักษณะ
       ถึงแม้เต่าทะเลจะดำรงชีวิตในทะเล แต่ก็ยังคงคุณลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานทั่วไป เต่าทะเลมีกระดองเป็นเกล็ดปกคลุมร่างกายซึ่งได้วิวัฒนาการให้มีลักษณะเหมาะกับการว่ายน้ำ มีรูปทรงรีหรือรูปหัวใจ แต่ทว่าทั้งหัวและขาของเต่าทะเลนั้นไม่สามารถที่จะหดเข้าไปในกระดองได้ อีกทั้งยังมีลำไส้ขนาดใหญ่ที่ช่วยในการย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้นรวมทั้งมีไขมันมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานจำพวกอื่น เพื่อช่วยในการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ส่วนขาทั้งสี่ข้างถูกพัฒนาให้แบนคล้ายพายเพื่อช่วยในการว่ายน้ำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเต่าน้ำทั่วไปที่มีแต่พังผืด โดยขาคู่หน้าใช้ในการผลักดันและพุ้ยน้ำ ส่วนคู่หลังใช้เป็นเหมือนหางเสือกำหนดทิศทาง เต่าทะเลบางตัวสามารถที่จะว่ายน้ำได้เร็วถึง 35 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือสามารถที่จะว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรนับเป็นระยะทางกว่าร้อยไมล์
     
      เต่าทะเลทุกชนิดมีการวิวัฒนาการตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในทะเลและลดการแก่งแย่งกันเอง เช่น การกินอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งเต่าทะเลกินได้ทั้งพืชและสัตว์ แต่ทว่าก็จะมีการกินที่แตกต่างออกไปในแต่ละชนิด การขึ้นมาวางไข่บนหาดที่มีลักษณะและช่วงเวลาที่แตกต่างกัน กระดองก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปรได้ตามสิ่งแวดล้อม โดยในปัจจุบัน พบเต่าทะเลได้ในมหาสมุทรและทะเลทั่วโลก ยกเว้นมหาสมุทรใต้เท่านั้น

      การวางไข่
        ในแต่ละปี จะมีเต่าทะเลที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ผสมพันธุ์ตามบริเวณต่าง ๆ ในมหาสมุทร ในตอนผสมพันธุ์ ตัวผู้จะเกาะหลังตัวเมียด้วยการกัดเข้าที่คอของตัวเมียเพื่อไม่ให้หลุด หลังจากปฏิสนธิแล้ว ตัวเมียจะขึ้นหาดขุดทรายวางไข่ โดยเต่าทะเลทุกชนิดขึ้นมาวางไข่เฉพาะเวลากลางคืน ยกเว้นเต่าหญ้าแอตแลนติกเท่านั้นที่มีพฤติกรรมวางไข่ในเวลากลางวันด้วย และส่วนใหญ่จะขึ้นมาวางไข่บนหาดที่ถือกำเนิด ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม ทั้งนี้สันนิษฐานว่า เต่าทะเลจะกลับมาโดยอาศัยการตรวจจับสนามแม่เหล็กโลก เต่าทะเลตัวเมียเมื่อขึ้นจากน้ำก็จะคลานขึ้นมาบนหาดเพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการวางไข่ แต่ถ้าพบว่าหาดนั้นมีแสงสว่างและเสียงรบกวนจะคลานกลับลงน้ำโดยไม่วางไข่ เมื่อพบจุดที่ต้องการก็จะใช้ขาคู่หลังขุดหลุม จนมีลักษณะคล้ายหม้อสองหู การขุดก็จะทำอย่างระมัดระวังโดยใช้พายข้างหนึ่งโกยทรายแล้วดีดออก เมื่อทรายที่ขุดมากขึ้นก็จะใช้พายอีกข้างช่วยโกยออก ต่อจากนั้นก็จะวางไข่ ซึ่งมีลักษณะนิ่มคลุม โดยเต่าแต่ละตัวสามารถที่จะขึ้นมาวางไขได้สองหรือสามครั้ง ขณะที่วางไข่อาจมีของเหลวไหลออกมาจากตา ทั้งนี้เพื่อรักษาระดับความชื้นและป้องกันทรายเข้าตา ซึ่งดูแล้วเหมือนกับว่าเต่าร้องไห้ ซึ่งของเหลวที่ขับออกมานี้คือ เกลือ ไข่เต่าแต่ละฟองจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ถึง 7 เซนติเมตร (1.5-2.5 นิ้ว) หลังจากไข่เสร็จ เรียบร้อยแล้วก็กลบหลุมและทุบทรายให้แน่น แล้วพรางหลุมโดยการกวาดทราบข้างเคียงจนสังเกตตำแหน่งได้ยาก

       ในแต่ละฤดูกาล เต่าตัวเมียจะวางไข่ทุกช่วงสัปดาห์จนกว่าจะหมดท้อง ซึ่งบางตัวอาจจะมีถึง 1,000 ฟอง โดยใช้เวลาในการขึ้นมาวางไข่บนหาด 3-8 ครั้ง แล้วจะกลับมาวางไข่อีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป 2-4 ปี ดังนั้น จำนวนรังในแต่ละปีจึงเปลี่ยนแปลงตลอด ด้วยสาเหตุที่ปริมาณการรอดตายของลูกเต่าทะเลน้อยมาก ดังนั้น ในการวางไข่แต่ละครั้งจึงมีจำนวนมาก ถ้าหาดที่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ มีพื้นที่น้อย โอกาสที่ไข่เต่าทะเลจะถูกทำลายโดยน้ำท่วมหรือจากน้ำฝนจะมีมาก อุณหภูมิภายในหลุมก็มีผลกระทบต่อการฟังตัว กล่าวคือ ถ้าอุณหภูมิอยู่ในระดับปรกติ โอกาสที่ลูกเต่าทะเลจะฟังจากไข่เป็นเพศเมียทั้งหมดมีมาก ในทำนองเดียวกัน ถ้าอุณหภูมิภายในหลุมต่ำกว่าภายนอก ลูกเต่าทะเลที่ออกจากไข่ก็จะเป็นเพศผู้ทั้งสิ้น

       ไข่เต่าทะเลที่รอดจากน้ำท่วมและสัตว์อื่นกินเป็นอาหาร ก็จะฟักออกมาเป็นตัวภายใน 60 วันพร้อมกัน เมื่อลูกเต่าทะเลออกจากไข่ก็จะคลานขึ้น ผิวทราย ก่อนจะถึงผิวหน้าทรายก็จะหยุดตรงจุดที่ลึกจากผิวประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อรอให้อุณหภูมิภายนอกต่ำจึงออกจากทราย ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เป็นเวลากลางคืนจึงออกจากหลุมแล้วคลานลงทะเลอย่างรวดเร็ว ช่วงคลานลงทะเลนี้จะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ลูกเต่าทะเลทุกตัวจะหันหัวไปยังเส้นขอบฟ้าในทะเลที่สว่างที่สุด ถ้ามีแสงบนหาดก็จะชักจูงให้คลานเข้าหาและในที่สุดก็จะเป็นอันตรายถึงตายได้ มีสัตว์หลายชนิดกินลูกเต่าทะเลเป็นอาหาร เช่น ในช่วงที่คลานลงทะเลก็จะเกิดอันตรายจากนก สัตว์เลื้อยคลานด้วยกันเช่น เหี้ย หรือสัตว์ผู้ล่าอื่น ๆ เช่น พังพอน รวมทั้งมนุษย์ เมื่อถึงน้ำอาจจะถูกปลาฉลามหรือปลาขนาดใหญ่กว่ากินเป็นอาหารได้
 
       ในสัปดาห์แรก ลูกเต่าทะเลไม่สามารถที่จะดำน้ำและใช้ชีวิตใต้ท้องทะเลได้เป็นเวลานาน เพราะยังว่ายน้ำไม่แข็งพอที่จะหลบหลีกจากผู้ล่าได้ การหลบหลีกศัตรูในช่วงนี้จึงใช้วิธีหลบอาศัยและดำรงชีวิตตามสาหร่ายทะเลหรือพืชทะเลที่ล่องลอยในทะเล ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะแข็งแรงพอที่จะเอาชีวิตรอดได้ คาดว่าเต่าทะเลมีอายุยืนยาวนานกว่า 60 ปี

YouTube : 

bottom of page